[บทสัมภาษณ์] พี่พลอยดาว กับประสบการณ์ไปทำจิตอาสาที่ไต้หวัน — AIESEC in Thammasat

AIESEC Thammasat
3 min readJun 30, 2020

--

ไต้หวันมีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจีนตั้งอยู่ระหว่างทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ห่างจากจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 160 กิโลเมตร มีพื้นที่ 36,000 ตารางกิโลเมตร มีจีนกลาง (Mandarin) เป็นภาษาราชการ และอีกภาษาท้องถิ่นที่ใช้กันส่วนใหญ่คือ ฮกเกี้ยน (หมิ่นหนาน) ที่คล้ายภาษาจีนบ้านเรามากเช่น อากง อาม่า ข้าราชการระดับสูงส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษได้

แนะนำตัวหน่อย ไปทำจิตอาสาประเทศอะไรมา เป็นยังไงบ้าง?

พี่ชื่อประกายดาว (พลอยดาว) นักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ สาขากิจกรรมบำบัดกำลังขึ้นปี 4 ตอนนั้นพี่ไปทำ Quality education ที่ไต้หวัน เพราะว่าแพลนจะไปไต้หวันมานานแล้ว และได้ยินว่าคนไต้หวัน friendly น่ารัก ใจดีและของก็ไม่ได้แพงมากและพี่ก็อยากได้ภาษาจีนด้วย ทำให้เลือกไปไต้หวัน ในช่วง summer

ไต้หวันเล็กนิดเดียวเลยพี่ไปอยู่เมืองไถจง (Tai Chung) ซึ่งเป็นภาคกลาง บ้านโฮสต์เขาจะออกนอกเมืองนิดนึงแต่ว่าระบบขนส่งเขาดีมากทำให้การเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายมากเหนือสุดยันใต้สุดของไต้หวันใช้เวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมงเลยมั้ง เวลาว่างๆก็จะนั่งรถบัสนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปเที่ยวเล่น ซึ่งปลอดภัยสามารถเดินคนเดียวได้เลย ในตัวเมืองก็มีคนต่างชาติเยอะอยู่ สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ก็คงจะเป็น Feng Chia Night Market อยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัยเลยก็จะเหมือนแบบตลาดหน้ามอ

จะมีห้างใหญ่มีของกินอะไรเยอะมากส่วนใหญ่พี่ก็จะไปช็อปของกิน ส่วนตัวชอบเข้าไปเดินดูในมหาลัยคนอื่นเขาในเมืองที่พี่อยู่ก็จะมี 2 มหาวิทยาลัยดังๆ ก็คือ มหาวิทยาลัย National Taichung University กับ Feng Chia University แล้วก็จะมี AIESEC (ไอเซค) อยู่แถวนั้นพี่ก็จะชอบไปหาเพื่อน แล้วก็เข้าไปดูห้องสมุด ต้องให้เพื่อนพาเข้าไป สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ก็จะมีหมู่บ้านสายรุ้ง พิพิธภัณฑ์เขาก็จะค่อนข้างเหมือนออกแบบเก๋เก๋ข้างในก็จะมีจัดเทศกาลศิลปะ ใจกลางเมืองก็จะค่อนข้างเหมือนสิงคโปร์ส่วนถ้าออกไปนอกเมืองก็จะเป็นตลาดเป็นวัดน่ารักๆ คนก็มีความเป็นระเบียบเช่นโฮสต์พี่เวลาขับรถก็ต้องคาดเข็มขัด เบาะหลังก็ต้องขาดเขาก็พาพี่ไปเที่ยวหลายที่ แบบไปรอบไต้หวันเลย สนุกมาก

พี่พลอยดาวไปทำโปรเจ็คอะไรมาที่ไต้หวัน?

พี่พลอยดาวไปสอนเด็กนักเรียนในไต้หวัน เป็นโรงเรียนอนุบาลถึงป.6 เป็นโรงเรียนไม่ใหญ่ เขาก็จะให้สอนอาทิตย์ละชั้นปี แต่ละชั้นปีจะมีทั้งหมด 5 ห้อง ก็จะวนไปจันทร์ถึงศุกร์ 5 วัน ช่วงแรกๆ อาทิตย์แรกๆ เขาจะให้พี่เข้าประมาณ 7–8 คาบต่อวัน หลังๆกลายเป็นว่าพี่ทำงานแค่ครึ่งวันและเวลาที่เหลือก็ได้ไปเดินเที่ยว ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชิงไปสอนภาษาอังกฤษจ๋าขนาดนั้น เหมือนเขาอยากให้เราไปเปิดวัฒนธรรมไทย ให้ไต้หวันเห็น เราก็เลยทำสไลด์ เปิดคลิปประเทศไทย ช้าง อาหารไทย สวนสัตว์ไทยโชว์ อยากดูอะไรก็เปิด

พี่พกน้ำพริกไปแล้วเด็กก็แย่งกันกิน เด็กแฮปปี้มาก เพราะว่าโรงเรียนค่อนข้างเล็กเวลาเดินเข้าไปก็จะมีคนจับจ้องพี่มาก ว่านี่เป็นอาจารย์ต่างชาติ พอเดินไปไหนมาไหนเด็กก็จะชอบเข้ามาหา ประมาณว่านี่คือไท่กั๋วเจียเจี๋ยเป็นพี่สาวคนไทย เราก็จะ Popular นิดนึงเวลาเจอเด็กๆ ก็จะเข้ามาสวัสดีคร่าบ สวัสดีคร่าบ หรือบางคนก็พูดจีนใส่ นี่ก็ไม่รู้เรื่องจ้า เขาก็จะมีโต๊ะทำงานให้พี่ เหมือนนั่งเป็นห้องพักครูปกติเลย บางวันพี่ไม่มีอะไรทำพี่ก็นั่งดูหนังดู YouTube ที่จะเอาไปเป็นสื่อสอนเด็กๆ เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นอาสาสมัครเขาค่อนข้างจะดูแลเราดี เขาก็จะรู้สึกขอบคุณเราตลอดเพราะเรามาช่วยแบบจิตอาสา มีอะไรก็เอามาให้กินเช่น เช้ามาโรงเรียนก็มีชานมไข่มุกวางบนโต๊ะ ขนมวาง พายไต้หวันอยู่บนโต๊ะ

พูดถึง Host ที่ไต้หวันหน่อย

ถ้าพูดถึงเรื่องการจัดหาโฮสพี่ก็ติดต่อไปที่โรงเรียนที่ไต้หวันแล้วทาง AIESEC ไต้หวันก็จัดหาโฮสต์ให้พี่ แล้วเขาก็แย่งกันมาสมัครเป็นโฮสต์ให้ เพราะว่าเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างอยู่ในแถบชานเมืองแล้วเด็กก็ไม่ค่อยเคยเห็นชาวต่างชาติเท่าไหร่ พ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้มีโอกาสที่จะเจอกับคนต่างชาติ เพราะว่าอาสาสมัครคนล่าสุดมาเมื่อ 4–5 ปีที่แล้ว เป็นคนออสเตรเลีย แล้วจากนั้นก็ไม่เคยมีอีกเลย พี่ไปอยู่ 7 สัปดาห์ ได้โฮสทั้งหมด 7 บ้าน เปลี่ยน Host ทุกอาทิตย์เลย ตกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยน 7 โฮสต์เลยแล้วเขาก็ไม่ได้ถามด้วยว่าจะเปลี่ยนโฮสต์อยู่ดีๆก็มาบอกเลย เราก็เลย comment ไปว่ามันเหนื่อยเกินไปเพราะว่าอาทิตย์นึงเราเพิ่งปรับตัวได้ เขาก็เปลี่ยนเราอีกแล้ว เราก็ต้องเอาของย้ายไปย้ายมา แต่มันก็มีข้อดีเพราะโฮสแต่ละบ้านสไตล์แตกต่างกันมาก เราได้อยู่บ้านตั้งแต่ฐานะปานกลางถึงฐานะรวยมาก ผู้ปกครองแต่ละคนรู้จักกันหมดเลยเพราะว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กในโรงเรียน เขาดูแลเราดีมาก ดูแลเราเหมือนลูกคนนึงเลยซึ่งตอนนั้นเราก็อายุ 20 แล้ว ส่วนลูกเขาอยู่ประถมกัน เขาเลยค่อนข้างดูแลเราเหมือนเด็กประถม เขาก็จะเป็นห่วงเราแบบว่ากลับบ้านก่อนค่ำนะอย่าไปเที่ยวไกลนะ แบบเป็นห่วงมากเลยแล้วก็อยากซื้ออะไรอยากกินอะไร ก็เปย์ให้เปย์ให้ตลอด แต่ละอาทิตย์ก็คือจะไม่อยากให้เราไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะเขาอยากพาเราไปเที่ยว เขาก็จะงอแงนิดนึงเพราะเขาอยากอยู่กับเรา ถ้าลูกโฮสต์เป็นลูกสาวก็จะติดเราชอบมาเล่นด้วย แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็จะเขินๆ เราหน่อยแต่ว่าวันสุดท้ายที่ต้องลาก็ร้องไห้ ตอนอยู่ด้วยไม่ยอมคุย จะมาแกล้งนั่งใกล้ๆ แทนเพราะเขาเขิน

แล้วเราก็ไปเจอบ้านแรกที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเราเลยต้อง Google Translate ไป ทำให้การไปอยู่อาทิตย์แรกสกิลการพูดภาษาจีนขึ้นอย่างไวมากเพราะว่าต้องใช้คุยกับโฮสต์ เลยคิดว่าถ้าได้อยู่บ้านนั้นสักเดือนหนึ่งก็คงพูดจีนได้แล้ว ส่วนบ้านหลังหลังก็สามารถพอพูดอังกฤษได้ พอคุยกันรู้เรื่อง ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษผสมจีนเพราะว่าเขาไม่อยากให้เราพูดจีนอยู่แล้ว เพราะอยากให้เด็กฝึกภาษาอังกฤษ แต่เด็กก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็ใช้ body language กันสุดฤทธิ์ แล้วคุณครูก็จะช่วยแปลให้

เมืองที่อาศัยอยู่เป็นยังไงบ้าง?

เสาร์อาทิตย์ก็จะเป็นเวลาว่างของเรา แล้วพอมาแรกๆ พี่ก็เป็นคนที่ไปเร็วกว่าอาสาสมัครคนอื่นที่มาที่เดียวกัน เขาก็จะกระจายอาสาสมัครไปแต่ละโรงเรียน อาทิตย์แรกพี่ก็จะอยู่กับโฮส พออาทิตย์ที่ 2 อาทิตย์ที่ 3 ทางAIESEC ไต้หวันก็จะจัดมิตติ้งให้ อาสาสมัครทุกคนมาพบกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนแคนาดา แคนาดาเยอะมากประมาณ 80% แล้วพี่ก็เป็นคนไทยคนเดียวมีคนมาเลเซีย 2 คน ก็ได้เพื่อนเป็นคนแคนาดา เสาร์อาทิตย์ก็มีไปเที่ยวกันบ้าง ไปนอนบ้านเพื่อนบ้าง แต่ก็ไปนอนบ้านเพื่อนไม่ค่อยได้เพราะโฮสพี่ก็จะงอแง พี่เป็นคนเดียวที่พูดจีนไม่ได้เลย ส่วนเด็กแคนาดาที่มาเขาจะเป็นเหมือนแบบจีนแคนาดา เขาก็จะพอพูดจีนได้บ้าง คนมาเลเซียก็จะเป็นจีนมาเลเซียก็จะพูดจีนได้

พี่พลอยดาวเจออะไรเป็นรู้สึกว่าแปลก เป็น culture shock บ้างไหม?

จะแปลกไหม ถ้าพี่จะบอกว่าพี่ไม่มีเขาจะช็อคเลย ฮ่าๆๆ เพราะว่าก่อนหน้านี้พี่เคยไปแลกเปลี่ยนที่มาเลเซียมา ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พี่เคยไปแลกเปลี่ยนแล้วช่วงนั้นพี่เจอ culture shock หนักมาก พี่ไปอยู่ที่มาเลเซียประมาณ 6 เดือน แล้วพี่ก็คิดว่าพี่อยู่ไต้หวันแค่ 7 อาทิตย์เองพี่เลยคิดก่อนไปเลยว่า อยากจะทำตัวเองให้แฮปปี้ที่สุด อะไรประมาณนี้พี่ก็เลยแบบฉันจะเปิดรับทุกเรื่อง ไม่ว่าดีหรือแย่ แค่ 7 อาทิตย์เองฉันจะใช้ชีวิตให้แฮปปี้แล้วมันก็แฮปปี้จริงๆการใช้ชีวิตด้วย mindset นี้ มันดีมากแล้วมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ ในการไปทำอาสาสมัครครั้งนี้ มันทำให้เราเห็นตัวเองด้วยแล้วพี่ก็แฮปปี้มากๆ ที่ละเวลาเราอยู่กับเด็กตัวน้อยๆ น้องน่ารัก ความรู้สึกแบบ เหมือนเราก็ไปเป็นเด็กอีกรอบแล้วเราก็เล่นกับน้องๆ แล้วรู้สึกว่าความคิดเห็นเรามีน้ำหนักพอเพราะว่า อาจารย์ไม่ว่าจะอายุเยอะหรืออายุน้อยเขาค่อนข้าฟังเรา แล้วเขาก็บอกว่าเขาก็อยากเอาไปพัฒนาหลักสูตรไปพัฒนาการเรียนการสอนของเขาต่อไป ค่อนข้างรู้สึกเหมือนมันเป็นการได้พัฒนาตัวเอง กับการทำงานกับคนอื่น

ถ้าเป็นเรื่อง culture shock ก็คงมีเรื่องเดียวก็คือเรื่องอาหารเพราะว่าพี่รู้สึกว่าอาหารมันจืดไป เพราะว่าพี่เป็นคนติดรสจัดด้วยมั้ง พี่เลยติดน้ำพริกไปด้วยเยอะเผื่อเป็นของฝากให้กับ Host แล้วก็กินเองเกือบหมดเลยจ้า

กลับมาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?

พี่ได้เพื่อนที่เขาค่อนข้างมี mindset เดียวกัน ได้เพื่อนสนิทเลยนะเป็นคนมาเลเซีย ไต้หวันก็มีแต่ว่าพี่คุยกับคนไต้หวันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ได้แค่นิดหน่อย แต่เขาน่ารัก เขาพยายามเข้ามาคุยกับเรา เขาเทคแคร์เราดีมาก ทำให้พี่ก็พยายามจะเรียนจีนจะคุยกับเขา แต่เพื่อนที่คุยกันทุกวันนี้ก็เป็นคนมาเลเซีย เราก็ได้เห็นตัวเองว่าเราชอบการสอน ชอบเด็ก รู้สึกว่าเวลาทำอาสาสมัครมันไม่ใช่แค่เราได้ให้คนอื่น แต่มันคือการที่เราได้พัฒนาตัวเองไปด้วย พัฒนาความมั่นใจตัวเองว่าชีวิตเรามันมีคุณค่าสามารถทำเพื่อคนอื่นได้นะ

พี่พลอยดาว มีอะไรจะฝากถึงคนที่ไม่มีเวลาแล้วอยากจะทำอาสาสมัครไหม?

การไปทำอาสาสมัครมันเริ่มได้จากแบบจุดเล็กๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ขณะที่คุณต้องไปทำโปรเจ็ค พี่ว่าถ้าสมมุติว่าอยากทำ ก็เริ่มทำเลยก็ได้โดยเริ่มจากสิ่งที่เราสามารถทำได้ แล้วมันก็ไม่ได้เดือดร้อนตัวเอง เพราะถ้าคุณทำแล้วมันต้องเดือดร้อนตัวเอง หรือว่าคุณต้องไปเครียดที่มันกระทบกับการเรียนที่คุณยกให้มันเป็นส่วนสำคัญที่สุด มันก็จะเครียดเกินไป แต่ถ้ามันพร้อมหรือเวลาไม่ติดอะไรก็ทำได้ พี่ก็เข้าใจว่าบริบทแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกัน เรามีเหตุผลที่ต่างกันไป

พี่ก็อยากจะเชียร์เหมือนกัน ถ้าเราอยู่ในจุดที่กำลังค้นหาตัวเอง อยากรู้ว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง เราอยากลองใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พี่ก็คิดว่า การทำอาสาสมัคร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ ดีในการที่ช่วยให้เราหาคำตอบเหล่านั้น ได้ง่ายขึ้น

สนใจสมัครเป็นอาสาสมัครต่างประเทศ

สามารถติดต่อเราได้ที่ Line Official Account (AIESEC in Thammasat)-> Click here

บทความอื่นๆ จาก AIESEC in Thammasat

มาทำความรู้จักกับโครงการ AIESEC — Global Volunteer กันดีกว่า -> Click here [บทสัมภาษณ์] พี่มินนี่ กับการไปทำจิตอาสาที่ประเทศเกาหลีใต้ -> Click here

Follow Us:

Facebook Group (AIESEC in Thammasat)-> Click here
Facebook Page (AIESEC in Thailand) -> Click here

--

--

AIESEC Thammasat
AIESEC Thammasat

Written by AIESEC Thammasat

We, AIESEC in Thammasat university, believe in Power of YOUth and inspire them by providing life-changing opportunities.

No responses yet